ตามที่ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่า ผลิตภัณฑ์ ERP ของ Microsoft ในตระกูล “Dynamics” ได้มีการรีแบรนด์เป็น “Dynamics 365” และมีการอัปเดตฟังก์ชันอย่างต่อเนื่องผ่านการออกเวอร์ชันใหม่เป็นประจำ
ในขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์รุ่นเก่าอย่าง “Dynamics AX” และ “Dynamics NAV” กำลังทยอยหมดระยะเวลาการสนับสนุนจาก Microsoft (EOSL: End of Support Lifecycle) ซึ่งทำให้หลายองค์กรผู้ใช้งานต้องเผชิญกับความจำเป็นในการเปลี่ยนระบบ ERP
ในบทความนี้ เราขอนำเสนอจุดพิจารณาสำคัญจากมุมมองของผู้ใช้งาน และข้อควรรู้จากมุมมองของบริษัทเราในฐานะผู้ให้บริการสนับสนุนการอัปเกรด ซึ่งมีประสบการณ์ดำเนินโครงการอัปเกรด Dynamics มาแล้วมากมาย
เมื่อผลิตภัณฑ์หมดระยะเวลาการสนับสนุน Microsoft จะหยุดให้บริการแพตช์อัปเดตด้านความปลอดภัย หากพบช่องโหว่ร้ายแรงในระบบ จะไม่สามารถแก้ไขได้ ส่งผลให้ระบบมีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี และอาจใช้งานไม่ได้ในช่วงเวลาที่ไม่คาดคิด
เวอร์ชันของ Dynamics ถูกออกแบบให้รองรับกับเวอร์ชันของ Windows Server และ SQL Server ที่อยู่ในช่วงเวลาการสนับสนุน หากเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานอยู่เกิดเสียหายและไม่สามารถกู้คืนได้ เซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่มีจำหน่ายอาจไม่รองรับระบบปฏิบัติการหรือฐานข้อมูลรุ่นเก่า ทำให้ไม่สามารถกู้คืนข้อมูลจากแบ็กอัปได้
Dynamics มีการเปลี่ยนแปลงฟังก์ชันและโครงสร้างระบบในแต่ละเวอร์ชัน หากอัปเกรดจากเวอร์ชันที่ต่างกันมาก จะทำให้ต้นทุนในการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น หากเวอร์ชันเก่ามีความแตกต่างจากเวอร์ชันใหม่มาก เครื่องมือแปลงโค้ดอัตโนมัติอาจไม่สามารถใช้งานได้ ต้องเขียนโค้ดใหม่ด้วยมือทั้งหมด ส่งผลให้ต้องใช้แรงงานและเวลาเพิ่มขึ้น
หลายองค์กรที่เลื่อนการอัปเกรดออกไปหลายปี พบว่าต้นทุนในการอัปเกรดสูงเกินงบประมาณที่ตั้งไว้
การใช้งานผลิตภัณฑ์ที่หมดระยะเวลาการสนับสนุนมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะในแง่ของ “ความต่อเนื่องทางธุรกิจ” ซึ่งอาจไม่รู้สึกถึงความเสี่ยงในช่วงที่ระบบยังทำงานได้ตามปกติ แต่ ERP เป็นระบบหลักขององค์กร หากเกิดความเสียหายและไม่สามารถกู้คืนได้ พร้อมกับต้นทุนการอัปเกรดที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็ถือเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงกว่าที่คิด
ในบทความถัดไป เราจะนำเสนอข้อดีและข้อควรรู้ในการอัปเกรดจากผลิตภัณฑ์ Dynamics รุ่นเก่าไปสู่ Dynamics 365
10-09-2024